เวลาเราพูดกันเรื่องวิธีป้องกัน หมาแมวหาย หลาย ๆ คนมองว่าเป็นเรื่องไกลตัว หรือส่วนมากมักจะคิดว่าเราเลี้ยงอย่างดี เลี้ยงในพื้นที่ปิดน้องคงไม่หายไปไหน มาลองดูสถิติเหล่านี้แล้วทุกคนอาจจะต้องหันกลับมามองปัญหานี้กันใหม่นะครับ ในภาพใหญ่กรมปศุสัตว์เคยประเมินหมา – แมว ไม่มีเจ้าของ 1.2 – 3.6 ล้านตัว (โครงการประชารัฐร่วมใจกำจัดภัยโรคพิษสุนัขบ้าปี 2563) ฟังดูเยอะมากใช่มั้ยครับลากเสียงยาว ๆ เลยว่าเยอะมากกกกกกจริง ๆ แต่บางคนอาจจะบอกว่าตัวเลขนั้นมันหมา แมวจรนะครับ แต่ถ้ามองลงไปลึก ๆ หมา แมวจรเหล่านี้ส่วนใหญ่ต่างก็เคยเป็นน้องที่มีเจ้าของใช่มั้ยครับ หรือจะลองมาดูตัวเลขชัด ๆ ที่จะทำให้เราตกใจมากขึ้นไปอีก จากรายงาน จส.100 ประจำเดือนกันยายน 2564 พบว่า มีจำนวนการรับแจ้งสัตว์หายทั้งสิ้น 62 (เฉพาะรายงานจาก จส.100 นะครับ) ที่น่าตกใจคือน้องได้กลับคืนสู่เจ้าของเพียง 16 ตัวเท่านั้นครับ คิดเป็น 25% เท่านั้น ใช่แล้วครับอีก 75% ไปไหนครับ น้องก็ไปเป็นหมา แมวจรไงครับ ดังนั้นเราคงไม่อยากให้น้องของเราหายไปจากเราใช่มั้ยครับ เพราะถ้าหายไปแล้วโอกาสได้คืนมีแค่ 25% เท่านั้นเองนะครับถ้าดูจากตัวเลขด้านบน งั้นเราลองมาดูวิธีป้องกันหมาแมวหาย ไปจากเรากัน
1.การเลี้ยงระบบปิด
หมาแมวหาย วิธีนี้เป็นวิธีที่ทำได้ 100% ก็จะทำให้การป้องกันน้องหายทำได้มีประสิทธิภาพที่สุด เราผู้เป็นเจ้าของจะต้องจำกัดบริเวณที่น้องจะอยู่อาศัย เช่น เลี้ยงในกรง เลี้ยงเฉพาะในบ้าน หรือเลี้ยงในรั้วรอบขอบชิด ซึ่งการทำแบบนี้จะทำให้น้อง ๆ ไม่สามารถออกเที่ยวเล่นข้างนอกได้เลย น้องจะอยู่ในสายตาเราตลอดเวลา บางคนถึงขั้นติดกล้องวงจนปิดดูน้องกันเลยทีเดียว การจำกัดบริเวณทำได้หลายรูปแบบ แต่รูปแบบนึงที่น้องแอบจะน่าสงสารคือการล่ามโซ่น้อง อย่าลืมว่าน้องเค้าเป็นสัตว์นะครับ เค้ามีความต้องการอิสระภาพสูงมาก เค้าคงทุกข์ใจมากหากถูกเราล่ามโซ่ไว้ ดังนั้นสรุปได้ว่าการเลี้ยงระบบปิด 100% ไม่มีอยู่จริงหรอกครับ เพราะอะไรน่ะเหรอ เพราะเจ้าของคือ “คน” ไงครับ คนมีสิทธิที่จะเผลอได้ ลืมได้ ดังนั้นอย่ามั่นใจมากเกินไปว่าเราเลี้ยงเค้าในระบบปิดเค้าคงไม่หายหรอก ก่อนจะไปดูวิธีอื่นเราลองมาดูข้อดี – ข้อเสียของการเลี้ยงน้องในระบบปิดกัน โดยในที่นี้ขอใช้พื้นที่บ้านเป็นระบบปิดละกันนะครับ
ข้อดีของการเลี้ยงน้องระบบปิด
- ลดโอกาสที่น้องจะได้รับบาดเจ็บทั้งจากอุบัติเหตุ และ อันตรายอื่น ๆ
- ลดโอกาสที่น้องจะได้กินสารอาหารที่เป็นอันตรายต่อน้อง
- ลดโอกาสที่น้องจะติดโรคจากการไปคลุกคลีกับเพื่อนนอกบ้าน
- ลดโอกาสในการสูญหายเพราะน้องจะไม่อยู่นอกสายตาเราเลย
ข้อเสียของการเลี้ยงน้องระบบปิด
- น้องจะมีความเครียดและมีความสุขน้อยลง
- น้องมีโอกาสจะอ้วน ใช่แล้วครับน้องกินทั้งวันไม่ค่อยได้ออกกำลังกาย อะไรน้าทำไมคุ้น ๆ เหมือนเจ้าของเลยใช่มั้ย (ยกตัวอย่าง แอดมิน)
- น้องมีโอกาสจะเป็นโรคบางชนิด โดยเฉพาะในน้องแมว เช่น โรคทางเดินปัสสาวะ และ โรคอื่น ๆ ที่ต่อเนื่องมาจากน้องมีภาวะน้ำหนักเกิน
- น้องจะมีปัญหาทันทีกับการใช้ชีวิตในโลกภายนอก เพราะเค้าจะไม่มีประสบการณ์แม้แต่การได้เจอคน หรือสัตว์แปลกหน้าเลย
2.การทำหมันน้อง
สาเหตุสำคัญที่ทำให้น้องหายไปจากบ้าน ข้อหนึ่งคือ น้องอยู่ในสภาวะติดสัด เมื่อน้องของเราโตเป็นหนุ่มและ มีอาการติดสัด น้องมักจะชอบหนีออกนอกบ้าน เพื่อไปผสมพันธุ์กับน้องเพศตรงข้าม สาเหตุนี้เกิดบ่อยมากโดยเฉพาะกับน้องแมว
การทำหมันให้กับน้อง นอกจากจะลดโอกาสที่น้องจะหายออกไปจากบ้านแล้ว ยังมีประโยชน์อีกหลายด้านที่เราควรรู้ เช่น การทำหมันเพื่อคุมจำนวนประชากรของน้องโดยเฉพาะน้องที่ไม่มีเจ้าของ ทำให้ลดโอกาสการเกิดน้องหมาแมวจร ซึ่งถือเป็นปัญหาใหญ่ของสังคมไทยในปัจจุบัน นอกจากนี้ยังมีงานวิจัยจำนวนมากพบตรงกันว่าหมา และ แมวที่ทำหมันจะอายุยืนกว่าสัตว์ที่ไม่ได้ทำหมัน และ เห็นได้ชัดในหมาเพศเมีย และ แมวเพศผู้ที่ทำหมันแล้ว อย่างไรก็ดีเจ้าของน้อง ๆ หลาย ๆ คนอาจจะเป็นกังวลในเรื่องผลกระทบกับปัญหาสุขภาพของน้องในระยะยาวหลังจากทำหมัน ดังนั้นเจ้าของน้อง ๆ ควรศึกษาให้ดีก่อนที่จะทำหมันให้กับน้อง ๆ ของเรานะครับ
3.การฝึกให้น้องไม่กลัวเสียงดัง
เนื่องจากประสาทสัมผัสในการรับรู้ของน้องนั้นมากกว่าคนเราเยอะเลย การที่เค้าได้ยินเสียงดัง ๆ มันอาจทำให้เค้าตกใจ วิ่งเตลิดหายออกไปจากบ้านได้ง่าย ๆ ดังจะเห็นได้จากในช่วงเทศกาสต่าง ๆ ที่มีการจุดประทัด พลุ เฉลิมฉลอง หลังจากวันหล่านั้นมักจะมีการติดประกาศตามหาน้องหายให้เห็นกันจนชินตา ดังนั้นหากเราสามารถฝึกให้น้องสามารถลดความกลัวเสียงดัง ๆ ลงได้ ถือเป็นวิธีป้องกัน หมาแมวหาย ที่น้องจะหายออกไปจากบ้านได้ดีเลยทีเดียว
วิธีการฝึกให้น้องชินกับเสียงดัง ที่มีหลายวิธี วันนี้แอดจะลองสรุปวิธีที่น่าสนใจมาให้ได้อ่านกัน
- ฝึกให้ชิน อันดับแรกเราผู้ซึ่งเป็นเจ้าของต้องไม่กลัวไปซะเองก่อน เมื่อมีฟ้าร้อง อย่าไปกอด อย่าไปอุ้มเค้าครับ ทำให้มันเป็นเหมือนเรื่องปกติ ชิล ชิล ไปครับ วิธีนี้ควรฝึกตั้งแต่น้องยังเล็ก ๆ นะ และ เราอาจเพิ่มวิธีเข้าไปโดยการใช้วิธีดึงความสนใจของหมาออกมาจากเสียงดัง เช่น ชวนหมาเล่นเกม ให้ขนมที่เขาชอบ หรืออาจให้เขาได้เพลิดเพลินกับของเล่นชิ้นโปรด เพื่อไม่ให้หมาสนใจจดจ่ออยู่กับเสียงฟ้าร้อง อันนี้ก็เป็นกลยุทธ์ที่น่าสนใจระดับนึงเลย
- สร้างสัมผัสบำบัด เมื่อน้องมีอาการตัวสั่น และ กลัว ให้เราเข้าไปนั่งใกล้ ๆ โดยไม่ต้องเรียกชื่อ หรือส่งเสียงปลอบโยน ให้เราพยายามทำตัวเองให้สงบ หรือเราจะใช้ความสงบของเราช่วยให้น้องสงบลงนั่นเอง เมื่อน้องเริ่มสงบลงให้เราวางมือที่บริเวณหัวไหล่ หรือหน้าอกของน้องนิ่ง ๆ ถ้าจะลูบก็ให้ลูบลงช้า ๆ ซึ่งในช่วงแรกน้องอาจจะยังตื่นกลัวอยู่ แต่สักพักก็จะรู้สึกวางใจขึ้นเอง และถ้าเป็นไปได้ให้เปิดเพลงดนตรีเบา ๆ หรือใช้กลิ่นวานิลลาช่วยบำบัดร่วมด้วย การทำแบบนี้อาจใช้ร่วมกับการนำสายจูงมาใส่ไว้เพื่อกันไม่ให้น้องวิ่งเตลิด หรือวิ่งไปหลบตามที่ต่าง ๆ
- การหาผ้ามันพันในจุดที่ไวต่อความรู้สึก น้องจะมีส่วนใวต้อความรู้สึกคือตรงหน้าอก และ ใต้ท้อง ดังนั้นการหาผ้ามาพันให้กระชับในบริเวณดังกล่าวจะช่วยทำให้เค้ารู้สึก มั่นใจ และ ปลอดภัย โดยเราอาจะลองค้นหาด้วยคำว่า “Thundershirt” · ปรึกษาสัตวแพทย์ หากลองวิธีด้านบนแล้วยังไม่สำเร็จ เราอาจไปปรึกษาสัตวแพทย์เกี่ยวกับพฤติกรรมของน้อง และ คุณหมออาจจะให้ยาคลายเครียด เพื่อลดอการกลัวของน้องลงได้ครับ
4.การฝังไมโครชิพสัตว์เลี้ยง
การฝังไมโครชิพหมา คือการฉีดฝังชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ขนาดเล็กเข้าไปที่บริเวณชั้นใต้ผิวหนังตรงกลางระหว่างหัวไหล่ทั้งสองข้างของน้อง ไมโครชิพแต่ละอันนั้นจะมีเลขประจำตัวที่ไม่ซ้ำกันสำหรับหมาแต่ละตัวอยู่ 15 หลัก โดยหมายเลขดังกล่าวจะเชื่อมโยงกับระบบฐานข้อมูลที่บันทึกข้อมูลเอาไว้ 3 ส่วน ดังนี้
- ข้อมูลของหมา เช่น เพศ พันธุ์ อายุ สี หรือ ตำหนิ เป็นต้น
- ข้อมูลของเจ้าหมา ได้แก่ ชื่อ – สกุล ที่อยู่ที่สามารถติดต่อได้ และ หมายเลขโทรศัพท์
- ข้อมูลของหน่วยงานที่ฉีดไมโครชิพ
ดังนั้นหากมีใครพบเห็นน้องก็จะสามารถรู้ได้ทันทีว่าใครเป็นเจ้าของน้องวิธีป้องกัน หมาแมวหาย วิธีนี้เป็นแนวความคิดที่ดีมากๆ นอกจากจะช่วยลดปัญหาน้องหาย ยังสามารถใช้ในการควบคุม ติดตาม ดูแลน้องหมา แมวจรได้อีกด้วย แต่ปัญหาคือ ผู้ที่พบน้องจะมีเครื่องอ่านไมโครชิพหรือไม่ ซึ่งเดาว่าคงไม่มี และ อีกประเด็นที่สำคัญคือหากเราเจอน้องเราจะรู้ได้อย่างไรว่าน้องได้รับการฝังไมโครชิพ เนื่องจากไมโครชิพอยู่ใต้ผิวหนังของน้อง
สรุปแล้ววิธีนี้เป็นแนวคิดที่ดีมาก ๆ แต่ปัญหาก็ตามที่ผมได้กล่าวมาข้างต้น วิธีนี้จึงไม่ได้รับความนิยมสำหรับเจ้าของน้องหมา แมว โดยทั่วไป
5.การใส่ป้ายชื่อสัตว์เลี้ยง
เห็นแล้วใช่มั้ยครับว่าการที่น้องหายไปนั้น มีผลกระทบกับตัวเราเอง และ คนรอบข้างขนาดไหน ดังนั้นเราควรแสดงความรัก และ ความรับผิดชอบในการเลี้ยงน้องด้วยการหาวิธีป้องกันน้องหายไปจะดีกว่านะครับ ดังนั้นน้องควรจะมีอะไรที่ระบุตัวตนได้ติดตัวอยู่ตลอดเวลา เช่นปลอกคอที่มีป้ายชื่อระบุรายละเอียดในการติดต่อน้องหากใครพบเจอน้องเมื่อน้องหายไป หากใครมีทุนทรัพย์และมีความใส่ใจน้องมากๆอาจะจะลงทุนซื้อปลอกคอที่มีระบบ GPS (จีพีเอส) เพื่อติดตามตัว เหตุที่นอกจากมีเงินแล้วยังต้องใส่ใจน้องมาก ๆ เพราะต้องคอยหมั่นเติมแบตเตอรี่ให้กับปลอกคออยู่เสมอ ๆ เพราะไม่งั้นปลอกคอที่ดูทันสมัย จะไม่มีความหมายไปในทันที เอาเป็นว่าเริ่มจากมีป้ายชื่อน่ารัก ๆ ให้น้องซักชิ้นก่อนก็พอครับ นอกจากใครเห็นจะรู้ว่าน้องมีเจ้าของไม่ทำร้ายเค้า เวลาเค้าเดินไปไหนก็น่ารักอีกต่ะหากนะครับ
หากใครอยากรู้ สาเหตุที่ทำให้น้องหมาแมวหาย สามารถย้อนกลับไปอ่านได้เลยแอดมินเขียนสาเหตุหลัก ๆ ไว้ให้แล้ว อย่างน้อยก็กันไว้ดีกว่าแก้นะค้าบบบ
วันนี้ทางแอดมินจะมาแนะนำสำหรับคนที่สนใจทำป้ายชื่อให้น้องกันนะครับ สำหรับตัว Smart Tag One ป้ายชื่อน้องหมาแมวอัจฉริยะ ที่แอดมินจะแนะนำ คือมันดีมาก ตัวป้ายชื่อจะบอกชื่อน้องหมา แมว แถมมีเบอร์โทรด้วย แต่ยัง ยังไม่หมด ที่สำคัญมันล้ำมาก(ก.ไก่ล้านตัว) ด้านหลังจะมีตัวคิวอาร์โค้ดให้สแกน ตัวคิวอาร์โค้ดตัวนี้สามารถจะบอก พิกัดบ้านน้อง บอกโปรไฟล์น้อง ว่าเจ้าจองคือใคร จะติดต่อได้ช่องทางไหนบ้าง มันดีมากจริง ๆ แอดมินก็ใช้อยู่ มีนามบัตรประจำตัวน้องให้เลือกมากกว่า 50 แบบ แถมตัวป้ายชื่อ มีแบบให้สลักลงไปมากกว่า 100 แบบ มันเลิศมาก แอดมินจะปักมุดพิกัดช่องทางการ สั่งซื้อ HobbyQR Smart Tag ไว้ให้ รักน้องไปซื้อให้น้องกันเร็วววว
ช่องทางการสั่งซื้อ Smart Tag One
– Facebook : https://www.facebook.com/hobbyqr
– Line@ : @hobbyqr >> คลิกเลย : https://lin.ee/Fq6Jwrs
– Instagram : https://www.instagram.com/hobbyqr_official/
– Website : https://salepage.hobbyqr.com/