แมวอ้วน ขนาดไหนกำลังดี ขุนน้องกันเถอะ
เวลาเห็นน้อง แมวอ้วน ๆ แล้วดูน่ากอด น่าจกพุง เราก็อยากให้ลูกรักของเราเป็นแบบนั้นบ้าง หยุดก่อนค่ะเหล่าทาส ใครที่กำลังคิดจะขุนน้องด้วยอาหารเยอะ ๆ เพื่อให้น้องจ้ำม่ำ ระวังจะเสี่ยงโรคอ้วนเอาน้า มาดูวิธีของแอดมินกันดีกว่า ว่าน้องแมวควรมีน้ำหนักเท่าไหร่ อ้วนแบบไหนกำลังดี และมีวิธีขุนน้องยังไงให้มีสุขภาพแข็งแรง หาคำตอบได้ในโพสต์นี้เลยนะคะ
เรื่องน้ำหนักของน้องแมว ก็ขึ้นอยู่กับสายพันธุ์และอายุด้วยนะคะ บางสายพันธุ์อย่างแมนคูน หากโตเต็มวัย น้องจะมีน้ำหนักได้มากถึง 11 กิโล เลยทีเดียว และไม่ดูอ้วนเกินไปด้วยน้า แต่ถ้าสายพันธุ์เล็กอย่างเจ้าพวกขาสั้น ถ้าหากมีน้ำหนักที่เยอะเกินไป ก็อาจเสี่ยงได้หลายโรคค่ะ แอดมินก็เลยยกตัวอย่างง่าย ๆ แบบภาพรวมว่าถ้าน้องแมวอายุเท่านี้ ควรมีน้ำหนักอยู่ที่เท่าไหร่ ถึงจะพอดี มีน้ำมีนวล ไม่อ้วนจนเกินไปค่ะ
เจ้าแมวเด็ก
อายุ 1 – 6 เดือน ควรมีน้ำหนักอยู่ที่ 80 กรัม – 3 กิโล ไม่ควรเกินนี้ค่ะ
แมวโตเต็มวัย
อายุ 1 ปี – 6 ปี ควรมีน้ำหนักอยู่ที่ 5 กิโล ไม่ควรเกินนี้ค่ะ
แมวสูงวัย
อายุ 7 ปี – 21 ปี ควรมีน้ำหนักอยู่ที่ 4 – 7 กิโล ไม่ควรเกินนี้ค่ะ
อย่างที่แอดมินได้บอกไปว่าข้อมูลด้านบนคือภาพรวมเฉลี่ยค่ะ ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับสายพันธุ์ของน้องเองด้วย ถ้าสายพันธุ์ใหญ่ น้ำหนักที่เหมาะสมก็จะเพิ่มขึ้นไปอีกเท่าตัวค่ะ แต่ถ้าหากเราขุนน้องจนน้ำหนักเกินเกณฑ์ โรคต่าง ๆ ที่มากับโรคอ้วนก็จะถามหาทันที เช่น
- โรคเบาหวาน
ไม่ใช่แค่เหล่าทาสเท่านั้นที่จะเป็นโรคนี้ หากน้องแมวมีภาวะที่อ้วนจนเกินไป จะเสี่ยงเป็นโรคนี้สูงถึง 80 – 90 % เลยค่ะ เรียกได้ว่าอัตราสูงมาก ๆ
- โรคข้ออักเสบ
โดยเฉพาะสายพันธุ์ขาสั้นทั้งหลาย ถ้าเราขุนน้องให้อ้วนมาก ๆ ขาของน้องไม่มีทางรับไหวแน่นอนค่ะ จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้ข้อขาของน้องอักเสบขึ้นมาได้
- โรคตับ
เนื่องจากน้องกินอาหารเข้าไปเยอะ ๆ ทำให้เกิดภาวะไขมันพอกตับ เสี่ยงตับวายทำให้น้องเสียชีวิตได้เลยนะคะ โรคนี้อันตรายมาก
- ระบบภูมิคุ้มกันพัง
ก็เหมือนเหล่าทาสที่มีระบบภูมิคุ้มกันอยู่ในลำไส้กว่า 70 % ถ้าลำไส้ทำงานย่อยอาหารไม่เต็มที่ ระบบภูมิคุ้มกันก็จะส่งผลไปด้วย เจ้าเหมียวก็เช่นกันค่ะเหล่าทาส และร่างกายน้องไม่ได้แข็งแรงทึกทนเหมือนเราด้วยนะคะ ถ้ารับอาหารในปริมาณมาก ๆ ทุกวัน ลำไส้พัง เผาผลาญพัง ระบบภูมิคุ้มกันก็แย่ลง ทำให้น้องป่วยง่าย ติดเชื้อได้ง่าย โดยเฉพาะในทางเดินปัสสาวะค่ะ
4 โรคอันตรายนี้ ต้องระวังให้ดีเลยน้าเหล่าทาส ถ้าจะขุนน้อง ก็ควรให้มีน้ำหนักอยู่ในเกณฑ์ที่ดี ไม่ควรสูงจนเกินไป นอกจากนี้ยังมีนิสัยที่ทำให้เจ้าเหมียวอ้วนได้ด้วยนะ อ่านต่อได้ที่ 6 นิสัยที่จะทำให้ต้าวเหมียวเป็นโรคอ้วน ถึงน้องจะดูอ้วนตุ๊บตั้บน่ารัก แต่น้องต้องทรมานกับโรคร้ายก็ไม่ดีเลยนะเหล่าทาส เพราะฉะนั้นมาขุนตามวิธีที่แอดมินจะแนะนำ ขุนยังไงให้น้องมีสุขภาพดี ทำตามนี้ได้เลยค่ะ
1. ปริมาณอาหารเป็นสิ่งสำคัญ
แอดมินขอแยกเป็น 2 ส่วนนะคะ ก่อนอื่นเลย ให้เหล่าทาสพาน้องแมวไปชั่งน้ำหนัก
ถ้าต่ำกว่าเกณฑ์ : ให้เพิ่มปริมาณอาหาร เช่น ทุกทีจะให้ 1 ช้อนใหญ่ ก็อาจจะเพิ่มเป็น 1 ช้อนใหญ่กับอีกครึ่งหนึ่ง ลองทำแบบนี้ไป 1 เดือน แล้วชั่งน้ำหนักอีกครั้งค่ะ ถ้าอยู่ในเกณฑ์ปกติแล้ว ให้ลดปริมาณลง เป็น 1 ช้อนใหญ่เหมือนเดิม
ถ้าสูงกว่าเกณฑ์ : ถ้าชั่งในตอนแรก น้ำหนักน้องสูงกว่าเกณฑ์ ให้ลดปริมาณอาหารจากที่ทานปกติ เช่น ให้ทานในปริมาณ 2 ช้อนใหญ่ ก็ลดเพียง 1 ช้อนใหญ่ กับอีกครึ่งหนึ่ง แล้วค่อย ๆ ปรับจนเหลือ 1 ช้อนนะคะ และลองชั่งดูอีกครั้งว่าน้ำหนักของน้องลดลงไหม
2. สารอาหารที่ได้รับ
สารอาหาร หรือส่วนผสมในอาหารค่อนข้างสำคัญค่ะ ถึงเราจะให้อาหารน้องในปริมาณเท่ากัน แต่สารอาหารอาจจะไม่เท่ากันก็ได้ ให้เหล่าทาสตรวจเช็กข้างถุงอาหารทุกครั้ง ว่ามีปริมาณไขมันเท่าไหร่ มีความเค็มไหม เพราะแต่ละแบรนด์ก็จะมีส่วนผสมที่ไม่เหมือนกัน และระวังด้วยนะคะ เพราะสารอาหารบางตัว น้องแมวอาจจะแพ้ได้ค่ะ
3. ชวนน้องออกกำลังบ้าง
ไม่ว่าจะพาไปเดินเล่น หรือหาของเล่นมาเล่นกับน้อง เพื่อเพิ่มพลังงานเผาผลาญอาหารที่น้องกินเข้าไป น้องจะได้ไม่เสี่ยง และมีสุขภาพดีด้วยนะคะ
4. ขนมให้บ้างตามความเหมาะสม
เหล่าทาสบางคนติดให้ขนมน้องทุกวัน ถึงให้อาหารในปริมาณที่พอเหมาะแล้ว แต่ให้ขนมทานอีก ก็อาจทำให้น้องอ้วนได้ค่ะ เพราะในขนมของน้องแมวบางชนิดก็มีส่วนผสมค่อนข้างเยอะ เพราะฉะนั้นถ้าไม่อยากให้เจ้าเหมียวพุงย้อย ก็ควรให้ขนมในปริมาณที่เหมาะสมนะคะ
5. เปลี่ยนน้ำทุกวัน
น้ำเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยน้องขับถ่ายคล่องขึ้นค่ะ ทำให้ไม่เกิดการสะสมของเสียต่าง ๆ จากการย่อยอาหาร น้องก็จะมีสุขภาพดีขึ้นค่ะ
ลองนำวิธีของแอดมินไปปรับใช้กันดูนะคะ เรามาขุนน้องแบบถูกวิธี ไม่เสี่ยงต่อโรคร้ายด้วยกันน้า เหล่าทาสทุกคน
ก่อนจะจากกันไป แอดมินไอเทมดี ๆ มานำเสนอค่ะ เป็น ป้ายชื่อสัตว์เลี้ยง ที่สามารถ “บันทึกน้ำหนัก” ได้ !! ป้ายชื่อที่ว่ามานี้ มีนามว่า Smart Tag One ของ Hobby ป้ายชื่อสุดเจ๋งที่สแกนคิวอาร์โค้ดได้ที่หลังป้ายชื่อ เมื่อสแกนมาแล้วก็จะพบกับ 10 ฟีเจอร์ และก็มีอยู่หนึ่งฟีเจอร์ที่ช่วยให้เหล่าทาสได้รู้ว่า เจ้าเหมียวของเรานั้น มีน้ำหนักตามเกณฑ์หรือเปล่า และช่วยทำให้เหล่าทาสไม่ลืมเวลาไปชั่งอีกครั้งด้วยนะคะ เพราะน้องถูกบันทึกอยู่ในเซิร์ฟเวอร์ ไม่หายไปไหนแน่นอน สามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมแบบจัดเต็มเกี่ยวกับฟีเจอร์นี้ได้ที่ ป้ายชื่อสัตว์เลี้ยงบันทึกน้ำหนักได้มีจริงรึ ? นอกจากฟีเจอร์นี้ เรายังมีอีกหลายฟีเจอร์ที่จะทำให้เหล่าทาสได้อึ้ง อ่านต่อได้ที่ ป้ายชื่อสแตนเลสเกรดพรีเมียมของ Hobby เริ่ดยังไงตามมาดู ถึงป้ายชื่อจะมีความไฮเทคโนโลยี แต่ราคาไม่ได้ไฮอย่างที่คิดแน่นอน เพราะแค่ 3 ใบแดงยังมีทอน คุ้มค่าไม่ไหว ไหนจะตัววัสดุที่เลือกใช้เป็นสแตนเลสเกรดพรีเมี่ยม ไม่ลอก ไม่ดำ ไม่ขึ้นสนิม ใช้ได้นานสุด ๆ คุ้มค่าขนาดนี้ เหล่าทาสอดใจไหวจริง ๆ เหรอคะ ถ้าว้าวุ่นสนใจอยากเป็นเจ้าของ ป้ายชื่อสัตว์เลี้ยง สุดล้ำสมัย ติดต่อเข้ามาได้ที่ช่องทางด้านล่างนี้เลยนะคะ แอดมินพร้อมตอบเหล่าทาสทุกคน
ที่มาของข้อมูล
ช่องทางการสั่งซื้อ และสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม
▶️ Facebook : hobbyqr
▶️ Line @ : @hobbyqr
▶️ Shopee : Shopee.co.th/hobbyqr
▶️ Tiktok : Hobbyqr