เลี้ยงแมวระบบปิด คืออะไร ?
การ เลี้ยงแมวระบบปิด คือ การเลี้ยงแมวไว้ในบ้าน ไม่ปล่อยให้ออกไปเล่นนอกบ้าน ทำทุกกิจกรรมอยู่ภายในบ้านเท่านั้น องค์กรสัตวแพทย์ The American Veterinary Medical Association (AVMA) ได้ให้คำแนะนำว่า ควรเลี้ยงแมวแบบระบบปิด เพราะจะช่วยลดการเกิดอันตรายจากนอกบ้าน เพราะอยู่ในบ้านจะมีโอกาสได้รับอันตราย และบาดเจ็บน้อยกว่า หากใครที่กำลังคิดว่า การเลี้ยงแมวไว้แต่ในบ้านจะทำให้แมวอึดอัด เป็นทารุณกรรมสัตว์ กลายเป็นบาป อาจจะต้องคิดใหม่นะคะ แมวจะชื่นชอบการอยู่ในพื้นที่ของตนเอง ไม่ชอบให้ใครหรือสัตว์ตัวไหนเข้ามายุ่มย่ามในอาณาเขต โดยส่วนใหญ่แมวจะรู้สึกปลอดภัยกับการอยู่ในบ้านมากกว่า
การ เลี้ยงแมวระบบปิด ในปัจจุบันถือว่าเป็นเรื่องที่ปกติมาก เพราะส่วนใหญ่ก็เลี้ยงน้องไว้ในบ้านกัน หรือวัยทำงานพักอาศัยอยู่คอนโดหรือหอพัก ก็นิยมเลี้ยงแมวกันภายในห้อง แต่ก็มีบางส่วนที่ไม่อยากเลี้ยงน้องแบบระบบปิด เพราะกลัวน้องอึดอัด เลยเลี้ยงแบบปล่อย แต่ถ้าหากจะพูดถึงเรื่องควรไม่ควร ก็จะกลายเป็นเรื่องที่ถูกถกเถียงกันอยู่มาก จึงกลายเป็นความเห็น 2 มุมมอง เราเลยจะพามาดู ข้อดี ข้อเสีย ทั้งการ เลี้ยงแมวระบบปิด และเลี้ยงแบบระบบเปิด วิธีรับมือ และวิธีปรับตัวต่าง ๆ มาเล่าสู่กันฟังค่าา
การเลี้ยงแบบระบบเปิด
เลี้ยงแบบระบบเปิดมีผลดีอย่างไร ?
- น้องไม่เครียด
- มีที่เดินเที่ยวเล่น และออกกำลังกาย ได้อย่างเต็มที่
- มีเพื่อนเล่น ไม่เหงา ไปพบปะผู้คนได้หลายที่
- ลดการเกิดโรคอ้วนหรือภาวะน้ำหนักเกิน
- น้องไม่อึดอัด เพราะมีกิจกรรมให้ทำอยู่ตลอดเวลา
เลี้ยงแบบระบบเปิดมีผลเสียอย่างไร ?
- เสี่ยงติดโรคที่มาจากสัตว์นอกบ้าน
- หากไปไกล ห่างออกจากบ้าน อาจจะทำให้หลง และไม่สามารถหาทางกลับบ้านได้ กลายเป็นสัตว์จร
- ไม่มีความปลอดภัย อาจเสี่ยงอุบัติเหตุหรือถูกทารุณกรรม
- อาจทำให้มีอายุสั้นลง
- ควบคุมประชากรได้ยาก (ในกรณียังไม่ได้ทำหมัน)
- อาจเป็นภาระต่อสังคม สร้างความรำคาญให้แก่ผู้ที่ถูกก่อกวน
การเลี้ยงแบบระบบปิด
เลี้ยงแบบระบบเปิดมีผลดีอย่างไร ?
- มีความปลอดภัย ไม่เสี่ยงเกิดอุบัติเหตุ หรือการถูกทารุณกรรม
- ไม่ติดโรคที่มาจากภายนอก
- ไม่ก่อความรำคาญ หรือลำบากใจ กับเพื่อนบ้าน
- น้องแมวไม่หายไปจากบ้าน (ในกรณีที่ระบบปิดแน่นหนา)
- มีอายุยืน เพราะสามารถสังเกตความผิดปกติได้ง่ายกว่า
เลี้ยงแบบระบบปิดมีผลเสียอย่างไร ?
- อาจเกิดโรคอ้วน ภาวะน้ำหนักเกิน
- ไม่ได้ออกกำลังกายอย่างเต็มที่ ในกรณีที่มีพื้นที่เลี้ยงจำกัด
- อาจมีอาการเครียด เพราะไม่ได้ออกไปข้างนอก
- อาจก่อให้เกิดโรคอื่น ๆ เช่นเบาหวาน และโรคที่มาจากโรคอ้วน
- ไม่ชินเวลาออกไปนอกบ้าน มีอาการตื่นตระหนก
- กลัวผู้คนแปลกหน้า
- หากอยู่คอนโดหรือห้องเช่าในที่สูง ๆ เสี่ยงตกระเบียง
จะเห็นได้ว่า ข้อเสียของการเลี้ยงระบบเปิดกับปิด มีความแตกต่างกัน แต่ข้อเสียของระบบเปิดจะควบคุมได้ยากกว่า เพราะเป็นสิ่งที่เราไม่สามารถแก้ไขด้วยตัวเองได้ เช่น การติดโรค ท้อง หรือเกิดอุบัติเหตุ เราควบคุมได้ยากมาก ๆ แต่ข้อเสียของระบบปิด เราสามารถช่วยน้องได้มากกว่าค่ะ
แต่เรามีวิธีที่จะช่วยให้น้องแมวไม่เครียด และสามารถออกกำลังกายวิ่งเล่นกันได้อย่างพอดีในบ้าน วิธีที่จะช่วยได้มีดังนี้
- หาของเล่นที่สามารถปีนป่ายได้ เพื่อให้น้องได้กระโดดเล่น ออกกำลังกายได้ด้วย
- หาของเล่นที่เราสามารถถือแหย่น้องได้ เพื่อให้น้องวิ่งตาม จะทำให้น้องกระปรี้กระเปร่ามากขึ้น อีกทั้งยังช่วยให้น้องกินอาหารอร่อยขึ้นด้วย เพราะน้องเหนื่อยค่ะ ใช้พลังงานไปจะต้องเอาคืน 555+
- แมวที่อายุเยอะจะต้องใช้เวลานอนเยอะ เจ้าของจะต้องช่วยน้อง โดยการเล่นกับน้องเยอะ ๆ นะคะ
- เพราะว่าแมวส่วนใหญ๋จะชอบนอนมาก ๆ ดังนั้นจะต้องมีที่นอนนุ่ม ๆ และอบอุ่นให้น้องนะคะ น้องจะได้สบายใจค่า
- อุณหภูมิในบ้าน ต้องไม่ร้อนจัดจนเกินไป ควบคุมให้อากาศถ่ายเทสะดวก ไม่อบอ้าวหรือทำให้บรรยากาศรอบ ๆ บ้านอึดอัด น้องอาจเป็นฮีทสโตรกได้ค่ะ
แต่อย่าลืมว่า การเลี้ยงระบบปิด โดยที่แมวไม่เคยไปสัมผัสบรรยากาศข้างนอกมาก่อน จะทำให้น้องไม่ชินกับผู้คน เมื่อจะต้องออกไปพบคน เช่น การไปงาน ญาติมาหา หรืออาจเกิดเหตุหลุดออกจากบ้าน อาจจะมีอาการตื่นตระหนก ตัวสั่น ระแวง ไม่มีใครสามารถเข้าใกล้ได้เพราะน้องอาจวิ่งหนี หรือขู่กัด ข่วน
อาการอย่างนี้เราสามารถแก้ปัญหาได้ค่า เริ่มด้วยวิธีง่าย ๆ อย่างพาออกไปเดินเล่นข้างนอก ให้เริ่มจากการอุ้มเดินก่อนนะคะ แต่ควรมีปลอกคอกับสายจูงด้วยนะ สายจูงโดยทั่วไปมีทั้งติดกับปลอกคอ และแบบรัดอก เลือกให้เหมาะสมกับน้องจะดีที่สุดค่ะ เพื่อความปลอดภัยและสุขภาพ เพราะหากพาน้องลงเดินเอง น้องอาจจะวิ่ง แล้วเราเป็นคนจับสายจูง ปลอกคออาจรัดน้องจนหายใจไม่ออกได้ พาออกไปเดินเล่นบ่อย ๆ นะคะ ควรอยู่กับน้องควบคุมน้องตลอดเวลาอยู่ข้างนอกด้วย เดี๋ยวน้องวิ่งหนีหายไปตอนที่เราเผลอนะจ้ะ
วิธีฝึกแมวจากการเลี้ยงระบบเปิด มาเป็นระบบปิด
ไม่ใช่เรื่องที่ยากแต่ก็ไม่ใช่เรื่องที่ง่ายค่ะ ในช่วงแรกน้องจะรู้สึกเครียด ส่งเสียงร้อง หรือนั่งเฝ้าประตูบ่อย ๆ อาจจะเป็นภาพที่น่าสงสาร และลำบากใจต่อทาสแมวแน่นอน แต่อย่าพึ่งใจอ่อนนะคะ วิธีต่อไปนี้จะเป็นการช่วยให้น้องอยู่ติดบ้านมากขึ้น
- ค่อย ๆ เข้าไปคุย และชวนน้องเล่นของเล่น เช่นตุ๊กตา ไม้ตกแมว น้องจะได้ไม่รู้สึกเครียดและกังวลค่ะ
- จัดเตรียมอาหารให้อย่างดี เพราะก่อนหน้าน้องแมวอาจจะออกไปหาอาหารนอกบ้านกิน เราจึงควรหาอาหาร ไม่ว่าจะทั้งเปียกหรือแห้งเตรีวมไว้ เพื่อสังเกตดูว่าน้องชื่นชอบอาหารรสไหน หรือของยี่ห้อไหนมากกว่ากัน
- เตรียมน้ำสะอาดไว้ให้ เพื่อให้น้องสดชื่นตลอดเวลาที่ได้กินน้ำสะอาด ๆ ค่ะ อาจจะเพิ่มลูกเล่นด้วยการซื้อน้ำพุมาไว้ให้น้อง เพราะน้ำพุแมวจะช่วยให้น้องแมวกินน้ำได้เยอะมากขึ้นค่ะ ช่วงเสริมสร้างสุขภาพให้ดีมากขึ้นอีกด้วยน้า
- จัดเตรียมสถานที่ขับถ่าย จัดหากระบะทรายให้น้อง ในก่อนหน้าน้องสามารถขับถ่ายตรงไหนก็ได้ตามใจชอบ แต่ในบ้านน้องจะต้องฝึกวิธีการเข้ากระบะทรายเพื่อขับถ่ายให้ถูกที่ถูกทาง ในช่วงแรก ๆ คอยช่วยน้องด้วยนะคะ น้องอาจจะยังไม่ชิน อาจทำทรายหกเลอะเทอะได้ (ในกรณีที่ไม่มีที่คลุมกระบะ)
- จัดหาที่นอนที่อบอุ่น เพื่อที่น้องจะได้ชื่นชอบการนอนในบ้านมากขึ้นค่ะ จัดหาที่นอนนุ่ม ๆ ดูอบอุ่นให้น้องหน่อยน้าาา
- พยายามหาที่ที่น้องสามารถมองชมวิวด้านนอกได้ เช่น เอาเก้าอี้ไปวางไว้ที่หน้าต่าง เพื่อน้องจะได้มานั่งมองวิวด้านนอก ชมนกชมไม้ได้ค่ะ
- หาพืชใบเขียวมาไว้ในบ้าน น้องแมวบางตัวจะชอบกินใบไม้นอกบ้านค่ะ ใบไม้ที่น้องสามารถกินได้คือ ต้นไผ่เงิน ต้อนอ่อนของข้าวสาลี น้องจะได้ใช้เวลาในบ้านได้เยอะขึ้นค่ะ เพราะมัวแต่ไปกินหญ้า 555+ ลองดูนะคะ ใช้ได้ผลจริง ๆ นะ
- หากสมาชิกในบ้านมีหลายคน ขอให้สมาชิกในบ้านช่วยเล่นกับน้องแมว ทักทายหรือพูดคุยก็ได้ค่ะ น้องจะได้ไม่เกร็งต่อสมาชิกในบ้าน และไม่รู้สึกว่าเป็นคนแปลกหน้า
ดังนั้น เราขอแนะนำว่าเลี้ยงแมวระบบปิดดีกว่านะคะ เพราะเราจะควบคุมทุกสิ่งอย่างได้ง่ายขึ้น ไม่เสี่ยงให้น้องเป็นแมวจรด้วย แต่เลี้ยงในบ้านแล้วดูแลน้องด้วยนะคะ ทั้งอาหาร ที่นอน รวมไปถึงห้องน้ำน้อง เดี๋ยวน้องจะเครียดแล้วแอบหนีออกจากบ้านเอาน้า และอีกสิ่งหนึ่งที่ควรมีไว้ติดตัวน้องแมวเลยคือ ปลอกคอและป้ายชื่อน้องค่ะ เผื่อวันไหนน้องมีโอกาสออกไปเล่นนอกบ้านแล้วหาทางกลับไม่เจอ คนพบเจอน้องจะได้รู้ว่าน้องเป็นแมวมีเจ้าของ และถ้าป้ายชื่อน้องมีเบอร์โทร หรือข้อมูลติดต่อเจ้าของด้วยแล้ว จะเป็นสิ่งที่ดีมาก ๆ เลยค่ะ
วันนี้เราขอแนะนำไอเท็มสำคัญแบบนี้ สำหรับคนที่สนใจทำป้ายชื่อให้น้องนะคะ กับ Smart Tag One ป้ายชื่อน้องหมาแมวอัจฉริยะ ของเรา คือมันดีมากกกกกกก ตัวป้ายชื่อจะบอกชื่อน้องหมา แมว แถมมีเบอร์โทรด้วย แต่ๆๆๆ มีสิ่งที่น่าทึ่งกว่านั้น สิ่งนี้มันล้ำมาก ด้านหลังจะมีตัวคิวอาร์โค้ดให้สแกน ตัวคิวอาร์โค้ดตัวนี้สามารถจะบอก พิกัดบ้านน้อง บอกโปรไฟล์น้อง เจ้าของคือใคร ชื่ออะไร จะติดต่อได้ช่องทางไหนบ้าง แมวที่นี่ใช้กันทุกตัวเลยค่ะ มีนามบัตรประจำตัวน้องให้เลือกมากกว่า 50 แบบ แถมตัวป้ายชื่อ มีแบบให้สลักลงไปมากกว่า 100 แบบ รักน้องไปซื้อให้น้องกันเร็ววววค่าาาา ของแบบนี้มันต้องมีนะ จริง ๆ